เมื่อคุณศึกษา NLP คุณจะได้ศึกษาความรู้บางอย่างที่คุณมีประสบการณ์กับมันมาตั้งแต่เด็กจนป่านนี้ แต่โชคไม่ดี คุณไม่เข้าใจมันแม้ว่ามันจะบังเกิดขึ้นกับคุณมานับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม กล่าวโดยย่อก็คือ คุณได้ถูกฝังสภาวจิตหรืออารมณ์บางประการไว้ ซึ่งมันจะเชื่อมโยงกับบางสิ่งบางอย่างที่แน่นอน เพื่อใช้สิ่งที่ว่านี้เป็นตัวเรียกเอาสภาวจิตหรืออารมณ์อันแน่นอนอย่างหนึ่งนั้นกลับมาทันที เช่นสภาวจิตที่รักชาติจะถูกฝังไว้ในจิตใจของคุณ โดยผูกหรือโยงไว้กับเพลงชาติ หรือการเห็นธงชาติ
.
.
ฉะนั้น ใครบางคนที่เดินอยู่เพลินๆ
แต่ถ้าบังเอิญได้ยินเสียงเพลงชาติเข้า
มันก็จะไปสะกิดเรียกเอาอารมณ์รักชาติขึ้นมาทันที
ขอได้โปรดทราบว่า ...ความรู้สึกรักชาติที่ฝังเข้าไปในจิตใจคนนี้
จะมีความเข้มข้นมากน้อยไม่เท่ากัน
แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขาได้ยินเพลงชาติ
อารมณ์ก่อนหน้าที่ได้ยินเพลงชาติ
จะเปลี่ยนไปโดยฉับพลันเมื่อหูของพวกเขาได้ยินเพลงชาติ
.
.
คราวนี้ก็ลองคิดดูสิว่า ตั้งแต่คุณเป็นเด็กจนโต คุณจะไปรู้หรือว่ามันมีสภาวจิตบางอย่างกับอะไรบางสิ่งที่ผูกกันเป็นคู่ๆ ได้มากมายตั้งเท่าไหร่ที่พร้อมจะเกิดขึ้นในตัวคุณทันทีเมื่อใดก็ตามที่บังเอิญคุณไปประสบกับสิ่งที่ผูกโยงนั้นไว้ มันจะฉุดเอาสภาวจิตแบบหนึ่งที่แน่นอนบังเกิดขึ้นกับคุณทันที เพียงแต่ว่าคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนซะมากกว่า ผมจะลองยกตัวอย่างเป็นคู่ๆ ให้คุณได้คิดทบทวนดู บางอย่างก็ใช้กับคุณได้ บางอย่างใช้กับคุณไม่ได้ แต่มันก็อาจใข้ได้กับคนอื่นๆ
.
.
เช่น
อารมณ์มีความสุขที่ผูกติดกับไอศกรีม คนบางคนพอนึกถึงไอศกรีมหรือการได้กินไอศกรีม จะสะกิดเรียกสภาวจิตมีความสุขออกมาทันที ในกรณีนี้ ย่อมถือว่า เขาถูกฝังสภาวจิตมีความสุขไว้กับไอศกรีม ไอศกรีมจึงเป็นตัวกระตุ้นหรือตัวเรียกสภาวจิตนี้ได้ทุกครั้ง ใน NLP จะถือว่า ไอศกรีมคือ anchor (ตัวเชื่อมโยงที่ฝังไว้) ซึ่งจะเป็นอะไรก็ได้ เช่น รูป รส กลิ่น เสียง หรือความรู้สึกสัมผัส เราเรียกทั้งหมดนี้ว่า “การฝังสภาวจิตไว้” ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Anchoring (แองเคอริ่ง)
.
.
สมมติว่า สภาวจิตโกรธของผมได้เชื่อมโยงกับการเห็นใบหน้าของคุณเอ ในกรณีนี้ ใบหน้าของคุณเอ คือ anchor (ตัวเชื่อมโยงที่ฝังไว้) ซึ่งแปลว่า ถ้าผมอยู่ของผมดีๆ อารมณ์ก็ยังดีๆ อยู่ แล้วถ้าจู่ๆ คุณเอโผล่เข้ามาให้ผมเห็นหน้าละก็ ภาพใบหน้าของคุณจะกลายเป็นตัวเรียกสภาวจิตโกรธของผมให้บังเกิดขึ้นแบบฉับพลัน ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม NLP จะถือว่าผมได้ฝังสภาวจิตที่โกรธเฉพาะเจาะจงนี้ที่เชื่อมโยงกับใบหน้าของคุณเอไว้แล้ว ฉะนั้น อย่าให้ผมได้เห็นหน้าของเขาเพราะเห็นเมื่อไหร่เป็นโกรธเมื่อนั้น
.
.
คุณอาจไมทราบว่าคุณถูกฝังสภาวจิตที่เชื่อมโยงกับบางสิ่งไว้มากมายอย่างที่ไม่รู้ตัว เช่น คุณขับรถอยู่ตามท้องถนน ครั้งตาคุณเหลือบไปเห็นไฟแดง สภาวจิตที่เป็นอยู่ของคุณอาจกระชากไปสู่ “สภาวจิตหงุดหงิด” ทันทีก็ได้ แล้วถ้ามันนเป็นแบบนั้นได้ทุกครั้งละก็ มันแปลว่า คุณได้ถูกฝังสภาวจิตหงุดหงิดที่เชื่อมโยงไฟแดงไว้แล้ว ในกรณีนี้ไฟแดงคือ anchor (ตัวเชื่อมโยงที่ถูกฝังไว้) คุณไม่เห็นไฟแดงก็แล้วไป แต่ถ้าเห็นเมื่อไหร่เป็นหงุดหงิดเมื่อนั้น
.
.
ขอย้ำแองคอร์ (anchor) หรือตัวเชื่อมโยงที่ฝังไว้นี้ อาจเป็นสิ่งของ รูปภาพ วัตถุ เสียง กลิ่น รสชาติ ความรู้สึกสัมผัส หรืออะไรก็ได้ แองคอร์มีหน้าที่เหมือนกลไกที่จะสับเปรี้ยงไปตามสภาวจิตที่เฉพาะเจาะจงที่ถูกฝังไว้ออกมาทันที อย่างตัวผมเอง ผมได้ฝังสภาวจิตของความไม่สบายใจไว้กับกลิ่นสะอาดของน้ำยาบางอย่างที่ผมได้กลิ่นตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่ผมไปทำฟันในร้านหมอฟัน ฉะนั้น เวลาที่ผมเดินเล่นอยู่ดีๆ ถ้าบังเอิญมีกลิ่นของความสะอาดแบบเดียวมาเตะจมูกผมเข้าละก็ มันจะไปสะกิดเรียกสภาวจิตไม่สบายใจโผล่ขึ้นมาทันที อย่างนี้เป็นต้น
.
.
อย่างไรก็ตาม NLP ไม่เพียงทำให้คุณได้เข้าใจตามที่ผมอธิบายไปเท่านั้น แต่ NLP เสนอวิธีฝังสภาวจิตๆ ที่ต้องการเข้าไปในตัวคุณเสียเลยและแน่นอนว่าคุณต้องหาอะไรสักอย่างเป็นตัวเชื่อมโยงกับมันเพื่อใช้มันสะกิดเรียกสภาวจิตที่พึงประสงค์ให้ออกมาใช้งานในทันทีแบบสั่งได้ นี่แหละคือความเทพของ NLP การทำแบบนี้เรียกว่า Anchoring (แองเคอริ่ง) หมายถึงการฝังสภาวจิตที่เฉพาะเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่งเอาไว้ ฉะนั้น โปรดอ่านให้ชัดเจนด้วยว่า anchoring กับ anchor ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
.
.
แองเคอริ่ง (Anchoring) ก็คือกระบวนการที่จะเชื่อมโยงความรู้สึกที่เข้มข้นอย่างใดอย่างหนึ่งไว้กับภาพ หรือเสียง หรือ กลิ่น หรือรสชาติ หรือความรู้สึกสัมผัสบางอย่าง (สิ่งต่างๆ พวกนี้เรียกว่า แองเคอร์ส ซึ่งมีหน้าที่เหมือนกลไกไปสะกิดเรียกเอาความรู้สึกอันแข้มข้นนั้นให้เกิดขึ้นในทันทีได้ทุกครั้ง) และอย่างที่คุณทราบ แองเคอริ่งมักเกิดขึ้นกับคุณโดยไม่รู้ตัวอยู่แล้ว แต่ใน NLP จะจงใจสร้างมันอย่างรู้ตัวให้กับคุณ คราวนี้คุณเป็นฝ่ายเลือกสภาวจิตที่ต้องการและเป็นประโยชน์กับตัวคุณได้
ต่อไปนี้คือ

...................................................
7 ขั้นตอนของการทำแองเคอริ่ง
...................................................
(ผมจะยินดีมากถ้าคุณจะเรียกมันจนติดปากว่า
“แองเคอริ่ง” หรือว่าคุณจะเรียกมันสั้นๆ ว่า “การฝังสภาวจิต” ก็พอได้”
.
.
1. จงเลือกออกมา

ว่าคุณต้องการจะฝังสภาวจิตอะไรหนึ่งอย่างที่เป็นบวกขึ้นมา (เช่นสภาวจิตมั้นใจ (อารมณ์มั่นใจ) หรือสภาวจิตตื่นเต้นื (อารมณ์ตื่นเต้น) หรือสภาวจิตมีความสุข (อารมณ์มีความสุข) หรือสภาวจิตที่มีพลัง (อารมณ์มีพลัง) เป็นต้น จงเลือกเอามาสักหนึ่งอย่างที่คุณอยากจะติดตั้งหรือฝังเข้าไปในตัวคุณ ผมขอสมมติว่าคุณเลือกสภาวจิตที่ตื่นเต้นก็แล้วกัน
.
.
2. จงยอมรับว่าในอดีตที่ผ่านมา

คุณเคยมีประสบการณ์กับสภาวจิตที่คุณตื่นเต้นมาแล้ว ฉะนั้น จงใช้ความคิดทบทวนดูว่ามันคือเหตุการณ์อะไรในอดีตที่คุณเคยเข้าถึงอารมณ์ที่ตื่นเต้นอย่างเข้มข้นมาแล้ว เอาละเมื่อคิดออกแล้ว ขอให้คุณนั่งลงให้สบายหลับตา แล้วระลึกถึงเหตุการณ์หรือความทรงจำนั้นอีกครั้งในใจเพื่อที่คุณจะได้มีประสบการณ์ความตื่นเต้นในใจอีกครั้ง
.
.
3. ในขณะที่คุณหลับตาอยู่นี้

และคุณกำลังมีประสบกาณ์แห่งอารมณ์ที่ตื่นเต้นอยู่ในสใจ สภาวจิตหรืออารมณ์นี้จะค่อยๆทะยานขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดของประสบการณ์ซึ่งหมายถึงการที่คุณรู้สึกถึงอารมณ์ตื่นเต้นในระดับที่เข้มข้นหรือแรงกล้าที่สุด ชั่วขณะเวลาตรงจุดนี้นับว่าสำคัญมากและมีแต่คุณเท่านั้นที่เป็นคนรู้หรือตัดสินใจได้ว่า

“มันคือตรงนี้แหละที่ฉันกำลังรู้สึกถึงอารมณ์ตื่นเต้นได้มากที่สุดแล้ว”

ถ้าคุณผ่านเลยจุดนี้ไป ความแรงกล้าของอารมณ์นี้จะลดลง ฉะนั้น ตรงจุดที่มันสูงสุดหรือใกล้เคียงจึงสำคัญมาก เอาละ ขณะที่คุณกำลังมีประสบการณ์กับอารมณ์ตื่นเต้นที่เข้มข้นและแรงกล้าที่สุดนี้ ผมจำเป็นจะต้องหาทางเชื่อมโยงอารมณ์นี้เข้ากับอะไรสักอย่างให้คุณ งั้นผมขอแนะให้คุณเชื่อมโยงมันเข้ากับ “การบีบที่หัวเข่าขวาของคุณ” ก็แล้วกันผมขอแนะให้คุณใช้ฝ่ามือขวากดลงไปที่หัวเขาขวาคาไว้เลยราวสัก 5 วินาทีก่อนจะถอนฝ่ามือขวาออกจากหัวเข่าขวาของคุณณเอาละลืมตาขึ้น (ในกรณีนี้ คุณได้เลือกให้รอยกดที่หัวเข่าขวาเป็นตัวเชื่อมโยง ขอย้ำว่าตัวเชื่อมโยงคือ anchor ซึ่งตรงนี้คุณอาจสงสัยว่าใช้เสียงเพลง กลิ่นน้ำหอม หรือสิ่งอื่นๆ ได้หรือเปล่า คำตอบคือได้ ทว่า รอยกดที่หัวเข่าเป็นสิ่งที่สะดวก ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็ตาม คุณต้องเอาหัวเข่าขวาไปด้วย จริงไหมล่ะถ้าเป็นกลิ่นน้ำหอม หรือเสียงเพลง หรือสิ่งนอกตัวอะไรก็ตามมันย่อมไม่สะดวกสักเท่าไหร่หรอก)
.
.
4. คุณสามารถจะทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 และ 3 อีกสองสามรอบในใจเพื่อที่ว่าคุณจะได้มั่นใจว่า คุณได้ “เชื่อมโยง” สภาวจิตที่ตื่นเต้นอย่างมั่นคงกับ “รอยกดที่หัวเข่าขวาของคุณ” ไว้แล้ว
.
.
5. ตอนนี้ ขอให้คุณลืมตา บิดตัว หัวเราะ ผิวปาก ฮัมเพลง หรือทำอะไรก็ได้เพื่อที่คุณจะไม่ไปตกอยู่ในสภาวจิตที่ตื่นเต้น ตอนนี้คุณจะมีอารมณ์อื่นๆ อะไรก็ได้ ตามสบายเลย
.
.
6. เอาละ มันถึงเวลาทดสอบแล้วว่าที่ทำไปได้ผลหรือเปล่า โดยที่คุณไม่ต้องนึกถึงความทรงจำใดๆ ขอให้คุณกดฝ่ามือขวาลงไปที่หัวเข่าขวา 5 วินาทีให้เหมือนกับที่คุณเคยทำในขั้นตอนที่ 3 ให้เหมือนมากที่สุด โอเค การกดที่หัวเข่าขวานี้ได้ฉุดเรียกเอาสภาวจิตที่ตื่นเต้นกลับมาเกิดขึ้นกับคุณอย่างทันทีทันควันเลยหรือเปล่า ถ้ามันเกิดขึ้นทันที คุณทำสำเร็จแล้ว คุณได้ฝังสภาวจิตที่ตื่นเต้นไว้ในตัวคุณได้สำเร็จแล้ว กล่าวอีกอย่างได้ว่า คุณสามารถเข้าถึงประสบการณ์ความตื่นเต้นแบบสั่งได้ซึ่งถูกเชื่อมโยงไว้กับรอยกดที่หัวเข่าขวา สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่กดฝ่ามือขวาไปที่หัวเข่าขวาเท่านั้นเอง
.
.
7. ถ้าการทดสอบในขั้นตอนที่ 6 ล้มเหลง คือพอคุณกดฝ่ามือลงไปที่หัวเข่าขวา แล้วคุณไม่สามารถเข้าถึงสภาวจิตตื่นเต้นได้ แสดงว่าคุณฝังสภาวจิตไม่สำเร็จ คุณจำเป็นต้องกลับไปทำใหม่ตั้งแต่ต้น และถ้าคุณตั้งใจจริง มันจะสำเร็จในที่สุด

.
.
คุณผู้อ่านที่รัก ถ้าคุณเข้าใจขั้นตอนทั้งหมดในการทำ “แองเคอริ่ง” หรือการฝังสภาวจิต คุณจะสามารถติดตั้งสภาวจิตเชิงบวกกี่อย่างไว้ในตัวคุณก็ได้ ค่อยๆ ฝึกทำมัน แล้วคุณจะทึ่งกับสิ่งที่คุณได้เรียนรู้

.
.
แองเคอริ่งหรือเทคนิคการฝังสภาวจิตจัดเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมากในการช่วยให้คุณเข้าถึงสภาวจิตใดๆ ก็ตามแบบสั่งได้ ผมแนะนำให้คุณฝังสภาวจิตเชิงบวกไว้ที่ข้อนิ้วของคุณซึ่งหมายความว่า สภาวจิตแต่ละอย่างจะเชื่อมโยงกับรอยกดบนข้อนิ้วของแต่ละนิ้ว เวลาที่คุณจะกดไปที่ข้อนิ้วในขั้นตอนที่ 3 นั้น ขอแนะนำให้ใช้นิ้วโป้งและนิ้วกลางของมือที่ไม่ถนัดกดลงไปที่ข้อนิ้วมือข้างที่ถนัด ขอให้คุณสนุกกับการฝังสภาวจิตไว้ที่ข้อนิ้วครับ
.
.
ด้วยรัก,
อาจารย์ วันชัย ประชาเรืองวิทย์
The Best NLP Trainer of Thailand